December 18, 2010

Biophotonic scanner in Thailand Media

เครื่องไบโอโพโตนิค สแกนเนอร์ คืออะไร

นวัตกรรมใหม่เพื่อให้การวัดระดับแคโรทีนอยด์(สารต้านอนุมูลอิสระเป็นเรื่องง่าย เราสามารถวัดระดับแคโรทีนอยด์ที่ผิวหนังโดยใช้เวลาประมาณ 3-5นาที จะทราบค่าแคโรทีนอยด์ที่ผิวหนังและสามารถทราบว่าร่างกายมีระดับสารต้านอนุมูลอิสระเพียงพอหรือไม่

เครื่องไบโอโฟโตนิค สแกนเนอร์วัดอะไร

วัดระดับสารแคโรทีนอยด์ที่ผิวหนัง ซึ่งสารแคโรทีนอยด์มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระเป็นตัวชี้วัดที่ดีเพื่อแสดงว่าระดับสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกายมีเพียงพอหรือไม่
ครื่องไบโอโฟโตนิค สแกนเนอร์ เกิดขึ้นได้อย่างไร

ดร.เวอร์เนอร์ เกลเลอร์แมน นักฟิสิกส์แห่งมหาวิทยาลัยยูท่าห์ และทีมงานจากมหาวิทยาลัยทางการแพทย์เป็นผู้พัฒนาเครื่องสแกนเนอร์ขึ้น โดย ดร. เกลเลอร์แมนและทีมงานได้ทำการศึกษาโดยใช้หลักการทางฟิสิกส์ของเซอร์ ซีวี รามาน ซึ่งได้รับรางวัลโนเบิล จากการค้นพบครั้งนี้ในปี ค.ศ.1930 และประดิษฐ์เครื่องสแกนเนอร์เพื่อวัดระดับแคโรทีนอยด์จากเรตินาในดวงตา จากนั้นได้ทำการ
คิดค้นและพัฒนาจนกระทั่งได้เครื่องสแกนเนอร์ที่วัดแคโรทีนอยด์ที่ผิวหนัง

เครื่องไบโอโฟโตนิค สแกนเนอร์ ทำงานอย่างไร

ไบโอโฟโตนิค สแกนเนอร์เป็นวิวัฒนาการของการนำหลักการแสงเลเซอร์มาใช้ แสงเลเซอร์จากเครื่องสแกนเนอร์มีความยาวคลื่นที่ 473 นาโนเมตร เป็นสีน้ำเงิน เมื่อแสงเลเซอร์กระทบกับโมเลกุลของแคโรทีนอยด์ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนและสะท้อนคลื่นแสงออกมาที่ 510 นาโนเมตร ให้สีเขียว เครื่องสแกนเนอร์จะมีตัววัดความไวสูงเพื่อตรวจจับปริมาณแสงสีเขียวที่สะท้อนกลับมา โปรแกรมที่สร้าง
ขึ้นเพื่อการประมวลในเครื่องคอมพิวเตอร์แปลผลจากแสงสีเขียวที่สะท้อน แล้วแสดงผลออกมาเป็นค่าระดับสารแคโรทีนอยด์ที่หน้าจอระดับแสงจากสแกนเนอร์เป็นระดับพลังงานต่ำไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหรือทำอันตรายต่อร่างกายหรือการทำงานของร่างกาย

เครื่องไบโอโฟโตนิค สแกนเนอร์ มีความน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด

เมื่อปี ค.ศ.1920 เซอร์ ซี.วี. รามาน ค้นพบว่าโมเลกุลของแคโรทีนอยด์จะเปลี่ยนแสงเลเซอร์สีฟ้าให้เป็นสีเขียว แต่ในเวลานั้นวิทยาการแสงเลเซอร์และคอมพิวเตอร์ยังเป็นเรื่องที่มีความสลับซับซ้อนมาก และยังไม่สามารถผนวกเข้าด้วยกันเพื่อประเมินเป็นค่าออกมาได้และต่อมา ดร. เกลเลอร์แมน ได้ใช้ทุนวิจัยกว่า 1,200 ล้านบาทในการพัฒนาการค้นพบดังกล่าวจนมาเป็นเครื่องไบโอโฟโตนิคสแกนเนอร์ และได้จดสิทธบัตรทั้งหมด 8 ฉบับทั้งในสหรัฐฯ, ยุโรป และเอเซีย

เครื่องไบโอโฟโตนิค สแกนเนอร์ ใช้แสงเลเซอร์สีน้ำเงินพลังงานต่ำในการวัดค่าแคโรทีนอยด์ที่ผิวหนัง ซึ่ง Center for Devicesand Radiological Health(CDRH) ซึ่งอยู่ในการดูแลขององค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาและภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาตร์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า ธนบุรีได้พิจารณาและตรวจสอบแล้วว่า แสงเลเซอร์ที่ใช้ในการวัดค่า Carotenoids นี้มีความปลอดภัยไม่ทำอันตรายต่อผิวหนัง ค่าที่วัดได้จากเครื่องสแกนเนอร์มีความน่าเชื่อถือว่าถูกต้องแม่นยำเทียบเท่ากับการเจาะเลือด   จากการศึกษาหนึ่งของดร. คาร์เทน สมิธ ซึ่งผลงานได้ถูกนำเสนอในงานประชุมวิชาการระดับโลก เช่น The experimental Biology 2004และผลงานได้ตีพิมพ์ลงในวารสาร FASEB
( Federation of American Societies for Experimental Biology)อีกด้วย
 
ค่าสารต้านอนุมูลอิสระ แคโรทีนอยด์ บอกอะไรกับเรา

แคโรทีนอยด์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง (Powerful Antioxidant) การวัดระดับแคโรทีนอยด์ที่ผิวหนัง (Skin CarotenoidScore : SCS) ด้วยเครื่องไบโอโฟโตนิค สแกนเนอร์ช่วยให้ทราบระดับความเข้มข้นของแคโรทีนอยด์ในร่างกาย เพื่อประเมินระดับสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกายว่าเพียงพอในการปกป้องร่างกายจากอนุมูลอิสระหรือไม่ร่างกายจำเป็นต้องได้รับสารต้านอนุมูลอิสระที่
หลากหลาย เพื่อทำงานเป็นโครงข่ายต่อสู้กับอนุมูลอิสระ เรียกว่า ระบบการต่อต้านอนุมูลอิสระ(Antioxidant Defense system) ซึ่งจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อร่างกายได้รับสารอาหารที่ช่วยเสริมการต้านอนุมูลอิสระที่หลากหลายในปริมาณที่เพียงพอจากอาหารและการเสริมอาหาร


ปัจจัยที่มีผลต่อค่าระดับแคโรทีนอยด์ที่ผิวหนัง ( SCS )

1. อาหารที่รับประทานแต่ละวัน : ผู้ที่รับประทานผัก ผลไม้ที่มีแคโรทีนอยด์สูง จะมีค่าระดับแคโรนอยด์ที่ผิวหนังสูง
2. การเสริมอาหาร : ผู้ที่เสริมอาหารด้วยผลิตภัณฑ์์ที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่หลากหลายในปริมาณพอเหมาะอย่างสม่ำเสมอ
จะมีระดับแคโรทีนอยด์ที่ผิวหนัง. สูง
3. ปริมาณไขมันในร่างกาย : ผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรือมีระดับไขมันในร่างกายมากเกินไป ในระดับและเพศของ แต่ละคนมีโอกาสที่ค่า
ระดับแคโรทีนอยด์ที่ผิวหนังต่ำ
4. การดำเนินชีวิตของแต่ละคน : สภาพแวดล้อมที่มีอนุมูลอิสระสูง เช่น ควันบุหรี่, แสง แดด, ความเครียด, มลภาวะ และสารพิษ มีผล
ทำให้ค่าระดับแคโรทีนอยด์ที่ผิวหนังลดลง
5. ปัจจัยทางพันธุกรรม : ส่งผลต่อการดูดซึมสารอาหารและแคโรทีนอยด์ที่แตกต่าง กันของร่างกายจึงมีผลต่อค่าระดับแคโรทีนอยด์ที่
ผิวหนังที่วัดได้

No comments:

Post a Comment